ฆาตกรรมอัยการสูงสุดสั่งฟ้องชัยวัฒน์ คดีฆาตกรรม บิลลี่ พอละจี ข้อหาร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

ชัยวัฒน์ถูกให้ออกจากราชการเมื่อ 25 มีนาคม 2564 หลังถูกชี้มูลความผิด ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ รื้อถอน เผาทำลายบ้านเรือน ยุ้งฉาง ทรัพย์สินของชาวบ้านบางกลอย ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองเชื้อสายกะเหรี่ยงที่หมู่บ้านบางกลอยบนและใจแผ่นดิน เสียหายราว 100 หลัง เมื่อปี 2554 ทำให้ ปู่คออี้-โคอิ มิมี แจ้งความดำเนินคดี นำมาสู่คำสั่งให้ออกจากราชการโดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)บิลลี่-พอละจี รักจงเจริญ หลานของปู่คออี้ พ่อของลูก 5 คน เป็นนักกิจกรรมและแกนนำกะเหรี่ยงบางกลอย ข่าวอาชญากรรม ไทยรัฐ สมาชิก อบต.ห้วยแม่เพรียง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ที่หายสาบสูญไปตั้งแต่ปี 2557และบิลลี่ยังเป็นแกนนำคนสำคัญของชาวบางกลอย ที่ดำเนินการฟ้องดำเนินคดีกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กรณีรื้อถอน เผาทำลายบ้านเรือนของชาวบ้านบางกลอย

วันที่ 28 มิถุนายน 2561 ดีเอสไอก็รับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษ จากการสอบสวนหาหลักฐาน กระทั่ง 3 กันยายน 2562 ดีเอสไอก็แถลงถึงการพบกะโหลกมนุษย์ในถังน้ำมันขนาด 200 ลิตร ใต้น้ำ บริเวณสะพานแขวนเหนืออ่างเก็บน้ำเขื่อนแก่งกระจาน เมื่อเดือนเมษายน ซึ่งผลตรวจดีเอ็นเอหัวกะโหลกตรงกับแม่ของบิลลี่ จึงยืนยันได้ว่า บิลลี่-พอละจี รักจงเจริญ เสียชีวิตแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ดีเอสไอกล่าวว่านายพอละจี รักจงเจริญ เสียชีวิตแล้วโดยไม่ทราบวิธีที่ทำให้ตาย แต่นำมาเผาทำลายเพื่ออำพรางคดี” เพราะในถัง 200 ลิตร นอกจากเศษกะโหลกที่ถูกเผา ยังพบเหล็กเส้น เศษไม้ถูกเผา และเศษฝาถังน้ำมัน5 กันยายน 2562 สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสเผยแพร่ถ้อยคำของ ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หลังดีเอสไอแถลงความคืบหน้าจากการพบกะโหลกในถัง 200 ลิตร และยืนยันว่าบิลลี่เสียชีวิตแล้ว ชัยวัฒน์กล่าวว่าผมพูดได้เลยนะ คนทำนั้นก็ชั่วสุดๆ แล้วนะ เอาคนคนยัดถังแล้วเผานี่ข่าวฆารตกรรมโหด 2564 ชั่วสุดๆ มีเหล็กเสียบด้วยนะ ไอ้คนทำทั้ง…ทั้งชั่วเลยนะ ไอ้คนสร้างสถานการณ์…กว่านี้อีก”

 ฆาตกรรม วันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 ดีเอสไอก็ออกหมายจับชัยวัฒน์กับพวกรวม 4 คน  วันที่ 13 มกราคม 2563 ชัยวัฒน์ยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุด ร้องขอความเป็นธรรม ต่อมา 24 มกราคม 2563 อัยการฝ่ายคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องชัยวัฒน์กับพวกรวม 4 คน ข้อหาฆาตกรรม เนื่องจากคดีไม่มีประจักษ์พยานและพยานแวดล้อมใดๆ เพียงพอที่จะเชื่อมโยงว่า ผู้ต้องหาทั้งสี่ได้ร่วมกันกระทำผิด มีพยานหลักฐานไม่พอฟ้อง จึงสั่งฟ้องเฉพาะข้อหาเป็นเจ้าหน้าที่พนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้ต่อมาชัยวัฒน์ถูกให้ออกจากราชการการมีความเห็นสั่งฟ้องที่ออกมาในวันที่ 15 สิงหาคม มาจากอธิบดีดีเอสไอมีความเห็นแย้งคำสั่งของอัยการสำนักงานฆาตกรรมสาว คดีพิเศษ 1 ตามขั้นตอน จึงต้องส่งให้จนอัยการสูงสุดชี้ขาดในครั้งนี้ และเมื่ออัยการสูงสุดชี้ขาดความเห็นแย้งกลับมา ยืนยันข้อหาเจตนาฆ่า คดีของบิลลี่จึงเปลี่ยนจากการบุคคลหายสาบสูญเป็นการ ‘ถูกฆาตกรรม’ อย่างเป็นทางการ ฆาตกรรม